บริษัท เอส แอล เอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ชื่อเดิม บริษัท ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นก้าวสู่วงการธุรกิจโฆษณา ด้วยการเป็นนายหน้าตัวแทน และรับทำโฆษณาแบบครบวงจรตั้งแต่ปี 2506 ในอดีตบริษัทได้สร้างสรรค์ผลงานด้านโฆษณาให้กับสินค้าที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก ในปี 2557 บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เป็นบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องสำหรับการขยายธุรกิจและการลงทุนของบริษัท โดยการโอนกิจการบางส่วนของบริษัทให้แก่บริษัทย่อยแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ “บริษัท ชูโอ เซ็นโก แอดเวอร์ไทซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด” พร้อมทั้งมีการจดทะเบียนเป็นกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters) และได้รับการอนุมัติจากกรมสรรพากรในเดือนธันวาคม 2558
ในระหว่างปี 2559 บริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างองค์กรอีกครั้ง โดยการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยในประเทศต่างๆ ได้แก่ ไทย เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์ ให้แก่ บริษัท ชูโอ เซ็นโก แอดเวอร์ไทซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และได้ขายเงินลงทุนในบริษัท ชูโอ เซ็นโก แอดเวอร์ไทซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ออกไปทั้งหมด ทำให้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทคงเหลือบริษัทย่อยและร่วมเพียง 10 บริษัท จากเดิมที่มีบริษัทย่อยและร่วมจำนวนทั้งสิ้น 27 บริษัท
ต่อมาในปี 2560 เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งภายหลังการลาออกของประธานกรรมการบริหารในเดือนธันวาคม 2560 มีการเปลี่ยนแปลงของคณะกรรมการบริหารในเดือนมกราคม 2561 และการเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในเดือนมิถุนายน 2561 ภายหลังการรับตำแหน่งของผู้บริหารชุดใหม่ ผู้บริหารพบรายการธุรกรรมที่มีลักษณะผิดปกติเป็นจำนวนมาก และอดีตผู้บริหารมีการจัดทำและนำเสนองบการเงินรวมที่ไม่เป็นไปตามมาตราฐานทางการเงิน ทำให้ทางผู้บริหารชุดปัจจุบันต้องพิสูจน์เงินลงทุน และตรวจสอบสถานะทางกฎหมายของรายการต่างๆ และภายหลังการปรับปรุงรายการ ยกเลิกบริษัทย่อยและบริษัทร่วม (Deconsolidation) และจัดประเภทรายการใหม่ ปรากฎว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 บริษัทมีบริษัทย่อยเพียง 2 บริษัท คือ บริษัท ดิจิตอล ครีม จำกัด และ Ad Asia Advertising (S) Pte. Ltd. โดยในระหว่างปี 2560 มีรายการขายเงินลงทุน 1 รายการ คือการขายเงินลงทุนในบริษัท ฟอร์ซี จำกัด โดยอดีตผู้บริหาร
ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารดังกล่าว บริษัทยังคงไว้ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจโฆษณา โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 บริษัทเริ่มจัดตั้งแผนกงานขายและการตลาด (Sale and Marketing Department) เพื่อรองรับงานให้บริการในฐานะตัวแทนฝ่ายขายให้แก่ลูกค้า และบริษัทเริ่มมีการรับรู้รายได้จากการให้บริการดังกล่าว โดยให้บริการในส่วนงานขายและการตลาดให้กับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตรายการวาไรตี้ออนไลน์ตามสัญญาบริการ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสมือนฝ่ายขายให้แก่ลูกค้า ในขณะเดียวกันผู้บริหารยังคงเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในอดีตของบริษัท
ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 บริษัทได้เริ่มขยายขอบเขตการให้บริการ โดยการเข้าสู่ธุรกิจผลิตรายการ โดยบริษัทได้เปลี่ยนมาให้บริการในฐานะผู้ผลิตสื่อรายการออนไลน์แบบครบวงจร พร้อมรับจ้างผลิตสื่อวีดีโอ จัดทำบทความออนไลน์ และบริหารจัดการสื่อออนไลน์ โดยมีการทำสัญญาเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ์ในการใช้ช่องทางการออกอากาศออนไลน์ที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงสิทธิ์ในรายการที่ได้รับความนิยมในช่องทางดังกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทสามารถรองรับงานผลิตสื่อโฆษณาแบบครบวงจร โดยมีช่องทางการออกอากาศทางออนไลน์ 4 ประเภทหลัก คือ ช่องทาง YouTube, ช่องทาง Facebook, ช่องทาง Instagram และช่องทาง Website โดยบริษัทจะนำเสนอคลิปวิดีโอผ่านทางช่องทางดังกล่าว ภายใต้ชื่อ Goodday official, เสือร้องไห้, เกษียณสำราญ และ Bad Official
ในปัจจุบันบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ผลิตสื่อรายการออนไลน์แบบครบวงจร และได้ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจผลิตละครโทรทัศน์และซีรี่ย์ โดยบริษัทให้บริการในฐานะผู้รับจ้างจัดทำละครโทรทัศน์แบบครบวงจร รวมถึงการจัดหาดารานักแสดงและบุคลากรที่มีความสามารถในการแสดง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน และสร้างรายได้และความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังตระหนักและให้ความสำคัญในการประกอบธุรกิจโดยคำนึงถึงหลักการดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความโปร่งใส คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างและนำไปสู่การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท